ค้นหา

Tips&Ideas


เคล็ดลับ 3 ขั้นตอนเลือกและปูกระเบื้องโรงจอดรถให้ถูกวิธี พร้อมแนะนำกระเบื้องคุณภาพจากไทย สุง

เผยแพร่เมื่อ 21 ตุลาคม 2568 • อัพเดทเมื่อ 22 ตุลาคม 2568

พื้นที่ “โรงจอดรถ” ถือเป็นหนึ่งในจุดที่ถูกใช้งานหนักที่สุดของบ้าน เพราะต้องรองรับน้ำหนักรถยนต์อยู่ทุกวัน ทั้งยังเจอกับสภาพอากาศร้อน ฝนชื้น และคราบน้ำมันที่อาจทำให้พื้นลื่นหรือสึกหรอได้ง่าย หลายบ้านที่เลือกกระเบื้องผิดประเภทจึงพบปัญหา กระเบื้องแตกร้าว ลื่น หรือน้ำซึมใต้แผ่นกระเบื้อง จนต้องซ่อมแซมใหม่บ่อยครั้ง

ดังนั้น การเลือก “กระเบื้องโรงจอดรถ” ไม่ใช่เรื่องของความสวยเพียงอย่างเดียว แต่ต้องคำนึงถึง “ความแข็งแรง ทนทาน และปลอดภัย” เป็นหลัก เพื่อให้พื้นใช้งานได้ยาวนาน ไม่เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง บทความนี้จะพาคุณไปดู 3 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่เจ้าของบ้านควรรู้ ก่อนเลือกและปูกระเบื้องสำหรับโรงจอดรถ เพื่อให้พื้นดูดีและใช้งานได้อย่างมั่นใจ

ตัวอย่างกระเบื้องปูโรงรถจาก ไทย สุง

 

ขั้นตอนที่ 1: เลือกกระเบื้องให้ถูกประเภท

การเลือกกระเบื้องที่เหมาะสมคือหัวใจสำคัญที่สุดของการทำพื้นโรงจอดรถ เพราะหากเลือกผิดประเภท ต่อให้ช่างปูดีแค่ไหน ก็อาจแตกร้าวภายในเวลาไม่นาน

วัสดุกระเบื้องที่เหมาะกับโรงจอดรถ

  1. กระเบื้องแกรนิตโต้ผิวหยาบ (Granito Rough Surface)

    • จุดเด่นคือเนื้อแน่น แข็งแรง รับแรงกระแทกและน้ำหนักรถได้ดี

    • ผิวหยาบช่วยเพิ่มแรงเสียดทาน เหมาะสำหรับพื้นที่ภายนอกที่อาจเปียกน้ำหรือมีคราบน้ำมัน

  2. กระเบื้องดินเผา (Ceramic Tile for Outdoor)

    • มีความหนาแน่นสูง ทนแดดทนฝนได้ดี

    • สีไม่ซีดง่าย เหมาะสำหรับบ้านสไตล์คลาสสิกหรือธรรมชาติ

  3. กระเบื้องหินธรรมชาติ (Natural Stone Tile)

    • เช่น หินแกรนิต หินทราย หรือหินกาบ

    • ดูสวยหรู แข็งแรงมาก แต่ควรปูด้วยช่างมืออาชีพเพราะน้ำหนักมากและต้องการการปรับระดับที่ละเอียด

ค่า R สำคัญแค่ไหน?

เวลาเลือกกระเบื้องพื้นภายนอก ควรสังเกต “ค่า R” หรือค่าความต้านทานการลื่น (Slip Resistance Value)

  • สำหรับพื้นที่โรงจอดรถ ค่าที่เหมาะคือ R11–R13 ซึ่งหมายถึงผิวหยาบกำลังดี ไม่ลื่นแม้เปียกน้ำ

  • หากค่า R ต่ำกว่า R10 กระเบื้องจะลื่นเกินไป ไม่เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีโอกาสเปียกน้ำบ่อย

ความหนากระเบื้องเป็นส่วนสำคัญ

กระเบื้องสำหรับโรงจอดรถควรมีความหนาอย่างน้อย 10 มิลลิเมตรขึ้นไป เพื่อรองรับแรงกดจากล้อรถได้ดี
และควรเลือกขนาดมาตรฐาน เช่น 30×30 ซม. หรือ 60×60 ซม. เพราะขนาดใหญ่เกินไปอาจเกิดแรงกดกระจายไม่เท่ากันและแตกร้าวง่าย

 

ขั้นตอนที่ 2: เตรียมพื้นให้แน่น รับน้ำหนักได้

แม้เลือกกระเบื้องดีแค่ไหน แต่หากพื้นไม่แข็งแรงหรือทรุดตัว ก็มีโอกาสแตกร้าวได้ง่าย การเตรียมพื้นจึงเป็นอีกขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้าม

การเทพื้นคอนกรีต

ก่อนปูกระเบื้อง ควรเทคอนกรีตเสริมเหล็กให้ได้ความหนา ไม่ต่ำกว่า 10–12 ซม. และควรใช้ปูนที่มีค่ากำลังอัดไม่น้อยกว่า 240 กก./ตร.ซม. เพื่อให้พื้นสามารถรับน้ำหนักรถยนต์ได้โดยไม่ยุบตัว

หลังเทคอนกรีตควร พักพื้นไว้ประมาณ 7–14 วัน ให้คอนกรีตเซ็ตตัวเต็มที่ก่อนเริ่มขั้นตอนการปูกระเบื้อง

 

ตรวจระดับพื้นและความลาดเอียง

เพื่อให้น้ำฝนหรือคราบน้ำมันไหลออกจากพื้นที่ได้ดี ควรทำพื้นให้มีความลาดเอียงประมาณ 1–1.5% (คือ 1 ซม. ต่อระยะ 1 เมตร) โดยลาดออกจากตัวบ้านไปทางท่อระบายน้ำหรือพื้นภายนอก

 

ป้องกันการทรุดและการซึมน้ำ

ควรตรวจสอบพื้นดินก่อนเทคอนกรีต หากเป็นพื้นที่ถมใหม่ ควรบดอัดให้แน่นเพื่อป้องกันการทรุด
และในขั้นตอนสุดท้ายของการเตรียมพื้น ควร ลงน้ำยากันซึม บนพื้นผิวคอนกรีตก่อนปูกระเบื้อง เพื่อป้องกันน้ำซึมขึ้นมาจากใต้พื้น

 

Tip เพิ่มความทนทาน

เลือกใช้ “ปูนกาวสำหรับภายนอก” โดยเฉพาะ (Outdoor Tile Adhesive) เพราะสูตรนี้จะทนแดด ทนความชื้น และยึดเกาะแน่นกว่าปูนทั่วไป ทำให้กระเบื้องไม่หลุดร่อนเมื่อเจอสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง

 

ขั้นตอนที่ 3: ปูกระเบื้องและยาแนวให้ถูกวิธี

เมื่อเตรียมพื้นเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการปูกระเบื้องและยาแนว ซึ่งต้องทำอย่างละเอียด เพื่อให้พื้นออกมาสวย แข็งแรง และใช้งานได้ยาวนาน

 

ระยะยาแนวควรไม่ต่ำกว่า 5 มม.

หลายคนเข้าใจผิดว่าระยะยาแนวยิ่งแคบยิ่งสวย แต่ในความจริงสำหรับ “กระเบื้องโรงจอดรถ” ควรเว้นระยะยาแนวอย่างน้อย 5 มม. เพื่อช่วยรับแรงขยายตัวของวัสดุในช่วงอุณหภูมิเปลี่ยน และลดโอกาสที่กระเบื้องจะแตกร้าว

 

ใช้ยาแนวกันน้ำและคราบน้ำมัน

ควรเลือกใช้ ยาแนวชนิด Epoxy หรือ Cement Type สูตรกันน้ำ เพราะจะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำหรือคราบน้ำมันซึมเข้าไปในร่องยาแนว ซึ่งเป็นสาเหตุของคราบดำและเชื้อราในระยะยาว

 

ตรวจสอบความลาดเอียงอีกครั้ง

หลังปูกระเบื้องเสร็จ ควรตรวจสอบระดับความลาดเอียงของพื้นอีกครั้ง โดยใช้น้ำเททดสอบดูว่า น้ำสามารถระบายออกได้ดีหรือไม่ หากมีจุดขังน้ำควรแก้ไขทันที เพื่อป้องกันการลื่นและคราบสะสม

 

เคล็ดลับการดูแลหลังปู

  • หลีกเลี่ยงการนำรถเข้าจอดทันทีหลังปู ควรรออย่างน้อย 3–5 วันให้ปูนกาวเซ็ตตัวเต็มที่

  • ทำความสะอาดเป็นประจำด้วยน้ำสะอาดหรือสบู่อ่อน

  • หลีกเลี่ยงน้ำยาที่มีฤทธิ์กรดหรือด่างแรง เพราะอาจกัดผิวกระเบื้อง

สรุปคือ พื้นโรงจอดรถที่ดี เริ่มจากการเลือกกระเบื้องที่ “ถูกต้อง” จะเห็นได้ว่าการเลือกและปูกระเบื้องโรงจอดรถไม่ใช่เรื่องซับซ้อน แต่ต้องใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกวัสดุ การเตรียมพื้น ไปจนถึงการปูและยาแนว เพื่อให้ได้พื้นที่ที่ทั้ง สวย ทน และปลอดภัยต่อการใช้งานในระยะยาว

หากคุณกำลังมองหากระเบื้องคุณภาพสูงสำหรับพื้นโรงจอดรถทั้งแบบ กระเบื้องพื้นภายนอก, กระเบื้องกันลื่น, หรือ กระเบื้องรับน้ำหนักรถ เชิญมาเลือกที่ ไทย สุง ผู้เชี่ยวชาญด้านกระเบื้องและวัสดุปูพื้นที่มีให้เลือกหลายขนาด หลายลาย ตั้งแต่ 30×30 จนถึง 60×60 ซม. และโปรโมชันลดราคา ให้คุณได้พื้นโรงจอดรถที่แข็งแรง สวยงาม และใช้งานได้ยาวนาน

 

ติดต่อเรา

Hotline : 0 2138 8911-12 (อัตโนมัติ 2 คู่สาย)

Website : https://thaisoung.com 

Facebook : https://www.facebook.com/ThaiSoungTiles 

Line ID :  Thai Soung Tiles 

Store Location : https://maps.app.goo.gl/bVppvHWZ2LZtauCXA  



สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

qr_line_thaisoung
line_thaisoung
facebook_thaisoung
instagram_thaisoung
tiktok_thaisoung

tel:0 2138 8911

telephone_thaisoung
Thaisoung_writer

THAI SOUNG WRITER

เชี่ยวชาญเรื่องกระเบื้องปูพื้นและบุผนังมามากกว่า 22 ปี เราพร้อมมุ่งมั่นมอบความรู้และเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับกระเบื้องทุกประเภท เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและสามารถเลือกใช้กระเบื้องที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณด้วยมาตรฐานและคุณภาพสูงสุด

select * from tz_product_master where PDM_CODE in () && PDM_SHOW='Y' && PDM_PIC_FRIST!='' |

บทความ ล่าสุด

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องกระเบื้อง ฟรี!
แนะนำครบทุกเรื่อง ตั้งแต่ดีไซน์จนถึงการใช้งาน ที่ตรงกับความต้องการของคุณ ติดต่อ ไทย สุง

color photo black and white
Before
After

ส่งข้อความสำเร็จ

กรุณารอการตอบกลับ