ค้นหา
Tips&Ideas
กระเบื้องพอร์ซเลน คือกระเบื้องที่ผลิตจากดินขาวละเอียดและแร่อื่นๆ ด้วยกระบวนการเผาที่อุณหภูมิสูงกว่ากระเบื้องเซรามิกทั่วไป ทำให้มีคุณสมบัติกระเบื้องพอร์ซเลนที่โดดเด่นในเรื่องความแข็งแกร่ง ทนทานต่อการขูดขีด แรงกระแทก การดูดซึมน้ำต่ำ และทนทานต่อสภาพอากาศ จึงเหมาะกับงานที่ต้องการความทนทานสูง ทั้งการใช้งานภายในและภายนอกอาคาร แม้จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่กระเบื้องพอร์ซเลน ข้อเสียที่ควรพิจารณาคือ ราคาที่สูงกว่าและน้ำหนักที่มาก ทำให้การติดตั้งซับซ้อนกว่า อย่างไรก็ตาม หากเลือกใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ กระเบื้องพอร์ซเลนจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและใช้งานได้ยาวนาน
การเลือกวัสดุปูพื้นที่เหมาะสมถือเป็นหัวใจสำคัญของการตกแต่งบ้านและอาคาร ไม่เพียงส่งผลต่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับความคุ้มค่าในการลงทุนระยะยาว การดูแลรักษา และความปลอดภัยของผู้ใช้งาน โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีวัสดุปูพื้นให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ไม้ ลามิเนต หินธรรมชาติ ไปจนถึงกระเบื้องชนิดต่างๆ
กระเบื้องพอร์ซเลนกลายเป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยชื่อเสียงในเรื่องความแข็งแรงและทนทาน แต่ผู้บริโภคหลายคนยังมีความกังขาว่า "กระเบื้องพอร์ชเลนทนทานจริงหรือไม่?" "คุณสมบัติกระเบื้องพอร์ซเลนต่างจากกระเบื้องทั่วไปอย่างไร?" และ "คุ้มค่ากับราคาที่สูงกว่าหรือไม่?"
บทความนี้จะไขข้อข้องใจทั้งหมดเกี่ยวกับคุณสมบัติกระเบื้องพอร์ซเลน ความทนทานที่แท้จริง พร้อมแนะนำการเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับพื้นที่และงบประมาณ เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่าพอร์ชเลนเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณหรือไม่
กระเบื้องพอร์ซเลนคือกระเบื้องเซรามิกชนิดพิเศษที่ผลิตจากส่วนผสมของดินขาวละเอียด (Kaolin Clay) ผสมกับแร่เฟลด์สปาร์และซิลิกา ส่วนประกอบเหล่านี้ถูกบดละเอียดและอัดแน่นด้วยแรงดันสูง ก่อนนำไปเผาที่อุณหภูมิสูงถึง 1,200-1,400 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงกว่ากระเบื้องเซรามิกทั่วไปที่เผาที่ประมาณ 1,000-1,100 องศาเซลเซียส
กระบวนการผลิตที่แตกต่างนี้ทำให้เกิดปฏิกิริยา Vitrification หรือการเปลี่ยนเป็นแก้ว ส่งผลให้โครงสร้างภายในของกระเบื้องพอร์ชเลนมีความหนาแน่นสูงมาก รูพรุนน้อย และเนื้อกระเบื้องเป็นเนื้อเดียวกันตลอดความหนา นี่คือที่มาของคุณสมบัติกระเบื้องพอร์ซเลนที่โดดเด่นหลายประการ
ความสำคัญของกระบวนการผลิตนี้ไม่ได้อยู่ที่อุณหภูมิสูงเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวดในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบ การผสมส่วนประกอบในอัตราส่วนที่เหมาะสม การอัดแน่นด้วยแรงดันสูง และการควบคุมอุณหภูมิในเตาเผา ทั้งหมดนี้ส่งผลให้กระเบื้องพอร์ซเลนมีคุณสมบัติพิเศษที่เหนือกว่ากระเบื้องทั่วไป
กระเบื้องพอร์ซเลนมีความทนทานสูงเป็นพิเศษ โดยมีค่าความแข็งตามมาตราโมห์สอยู่ที่ระดับ 7-8 จาก 10 ซึ่งแข็งกว่าเหล็กที่มีค่าประมาณ 4-5 ความแข็งระดับนี้ทำให้พอร์ชเลนทนทานต่อการขูดขีดจากการใช้งานประจำวัน เช่น การลากเก้าอี้ การเดินด้วยรองเท้าส้นสูง หรือแม้แต่การทำของหล่นบนพื้น
ความหนาแน่นของเนื้อกระเบื้องที่สูงถึง 2.4 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ทำให้ทนทานต่อแรงกระแทกและน้ำหนักกดทับได้ดีเยี่ยม กระเบื้องพอร์ซเลนคุณภาพดีสามารถรับน้ำหนักได้มากกว่า 2,000 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว จึงเหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องรับน้ำหนักมาก เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรืออาคารจอดรถ
การทดสอบความทนทานต่อการสึกหรอตามมาตรฐาน PEI (Porcelain Enamel Institute) พบว่ากระเบื้องพอร์ชเลนส่วนใหญ่มีค่า PEI ระดับ 4-5 ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์และพื้นที่ที่มีการสัญจรสูง
คุณสมบัติกระเบื้องพอร์ซเลนที่โดดเด่นอีกประการคือการดูดซึมน้ำที่ต่ำมาก โดยมีค่าการดูดซึมน้ำต่ำกว่า 0.5% ตามมาตรฐาน ANSI (American National Standards Institute) ซึ่งต่ำกว่ากระเบื้องเซรามิกทั่วไปที่มีค่าการดูดซึมน้ำประมาณ 3-7% ถึง 6-14 เท่า
การดูดซึมน้ำต่ำนี้ทำให้กระเบื้องพอร์ซเลนทนทานต่อความชื้นและคราบสกปรกได้ดีเยี่ยม น้ำและของเหลวต่างๆ ไม่สามารถซึมเข้าไปในเนื้อกระเบื้องได้ จึงป้องกันการเกิดคราบฝังแน่น กลิ่นอับ หรือการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย ด้วยเหตุนี้ พอร์ชเลนจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับพื้นที่เปียกชื้น เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว หรือพื้นที่รอบสระว่ายน้ำ
กระเบื้องพอร์ซเลนมีความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิได้ดีเยี่ยม สามารถทนความร้อนได้สูงถึง 600 องศาเซลเซียส และทนความเย็นได้ถึง -50 องศาเซลเซียส โดยไม่แตกร้าวหรือเสียรูป คุณสมบัตินี้เกิดจากค่าการขยายตัวเนื่องจากความร้อนที่ต่ำมาก ประมาณ 4-6 x 10^-6 ต่อองศาเซลเซียส
นอกจากนี้ พอร์ชเลนยังมีความทนทานต่อรังสี UV จากแสงแดด ไม่ซีดจางหรือเปลี่ยนสีแม้ใช้งานภายนอกอาคารเป็นเวลานาน การทดสอบ Xenon Arc Test ที่จำลองการโดนแสงแดดเป็นเวลา 1,000 ชั่วโมง (เทียบเท่าการใช้งานจริงประมาณ 1 ปี) พบว่ากระเบื้องพอร์ซเลนคุณภาพดีมีการเปลี่ยนแปลงสีน้อยกว่า Delta E 1.0 ซึ่งตามองไม่เห็นความแตกต่าง
พื้นผิวของกระเบื้องพอร์ซเลนที่เรียบและไม่มีรูพรุน ทำให้สิ่งสกปรกไม่สามารถฝังตัวลงไปในเนื้อกระเบื้องได้ คราบสกปรกส่วนใหญ่สามารถทำความสะอาดได้ด้วยน้ำและผ้าชุบหมาดๆ หรือใช้น้ำยาทำความสะอาดอ่อนๆ เช่น สบู่เหลวผสมน้ำ โดยไม่ต้องใช้น้ำยาทำความสะอาดรุนแรง
การดูแลรักษากระเบื้องพอร์ชเลนไม่ต้องทำอะไรมาก ไม่ต้องขัดเคลือบหรือเคลือบผิวใหม่เหมือนพื้นไม้ ไม่ต้องกังวลเรื่องรอยขีดข่วนเหมือนหินอ่อน และไม่ต้องทำความสะอาดพิเศษบ่อยๆ เหมือนพรม จึงช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาในระยะยาว
พื้นบ้านที่มีการสัญจรสูง: กระเบื้องพอร์ซเลนเหมาะอย่างยิ่งสำหรับห้องนั่งเล่น โถงทางเดิน และห้องครัว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการใช้งานหนัก ด้วยคุณสมบัติกระเบื้องพอร์ซเลนที่ทนทานต่อการเดิน การลากเก้าอี้ และการทำของหล่น พอร์ชเลนจึงคงความสวยงามได้นานหลายสิบปีโดยไม่ต้องเปลี่ยน สำหรับห้องนั่งเล่น ควรเลือกพอร์ซเลนที่มีค่า PEI 3-4 ขึ้นไป และหากต้องการความอบอุ่น สามารถเลือกลายไม้หรือสีโทนอุ่นได้
ห้องน้ำและห้องครัว: การดูดซึมน้ำต่ำของกระเบื้องพอร์ซเลนทำให้เหมาะสมอย่างยิ่งกับพื้นที่เปียกชื้น ในห้องน้ำ พอร์ชเลนช่วยป้องกันการเกิดเชื้อราและกลิ่นอับชื้น สำหรับห้องครัว นอกจากทนความชื้นแล้ว ยังทนต่อคราบน้ำมันและรอยเปื้อนจากอาหาร ทำความสะอาดง่ายด้วยการเช็ดถู ควรเลือกพอร์ซเลนที่มีผิว Matt หรือ Anti-slip สำหรับพื้นห้องน้ำเพื่อความปลอดภัย
พื้นที่เชิงพาณิชย์: ร้านค้า สำนักงาน และห้างสรรพสินค้าต้องการพื้นที่ทนทานต่อการใช้งานหนักตลอด 24 ชั่วโมง กระเบื้องพอร์ชเลนที่มีค่า PEI 4-5 สามารถรับการสัญจรได้มากกว่า 10,000 คนต่อวันโดยไม่สึกหรอ นอกจากนี้ การทำความสะอาดที่ง่ายยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา และมีลวดลายหลากหลายให้เลือกเพื่อสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมกับแบรนด์
ลานบ้าน ระเบียง ทางเดิน: คุณสมบัติกระเบื้องพอร์ซเลนในการทนแดด ทนฝน และทนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ ทำให้เหมาะสำหรับพื้นที่ภายนอก กระเบื้องพอร์ซเลนไม่ดูดซึมน้ำ จึงไม่เกิดปัญหาการแตกร้าวจากการขยายตัวของน้ำในฤดูหนาว ไม่ซีดจางจากแสง UV และทนต่อการกัดกร่อนจากสภาพอากาศ สำหรับพื้นที่ภายนอก ควรเลือกพอร์ชเลนความหนา 20 มม. ขึ้นไป และมีพื้นผิวหยาบเพื่อป้องกันการลื่น
รอบสระว่ายน้ำ: พื้นที่รอบสระต้องการวัสดุที่ทนต่อคลอรีนและสารเคมี กระเบื้องพอร์ซเลนไม่ทำปฏิกิริยากับสารเคมีในสระ ไม่ดูดซึมน้ำ และไม่เป็นแหล่งสะสมของตะไคร่น้ำ ควรเลือกพอร์ชเลนแบบ Anti-slip ที่มีค่า R11-R13 หรือมีพื้นผิวแบบ Structured เพื่อความปลอดภัยเมื่อเปียกน้ำ และเลือกสีอ่อนเพื่อลดความร้อนจากแสงแดด
อาคารจอดรถ: กระเบื้องพอร์ชเลนความหนาพิเศษ 20-30 มม. สามารถรับน้ำหนักของยานพาหนะได้ดี ทนต่อน้ำมันเครื่อง สารเคมีจากรถ และการขัดสีจากยางรถ การทำความสะอาดง่ายด้วยการฉีดน้ำแรงดันสูง ควรเลือกพอร์ซเลนที่มีค่าการรับน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 1,000 กก./ตร.ม. และมีพื้นผิวที่ไม่ลื่นเพื่อความปลอดภัย
กระเบื้องพอร์ซเลนมีราคาสูงกว่ากระเบื้องเซรามิกทั่วไปประมาณ 30-50% โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 150-200 บาทต่อตารางเมตรสำหรับเกรดมาตรฐาน และสูงถึง 500-2,000 บาทต่อตารางเมตรสำหรับเกรดพรีเมียม อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดต้นทุนระยะยาวรวมค่าบำรุงรักษาและอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า 20-30 ปี กระเบื้องพอร์ชเลนอาจคุ้มค่ากว่าในระยะยาว
กระเบื้องพอร์ซเลนมีน้ำหนักประมาณ 23-26 กิโลกรัมต่อตารางเมตร (สำหรับความหนา 10 มม.) ซึ่งหนักกว่ากระเบื้องเซรามิกทั่วไปประมาณ 20-30% น้ำหนักที่มากนี้ทำให้ค่าขนส่งสูงขึ้น และต้องตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างอาคาร โดยเฉพาะการติดตั้งบนผนังหรือพื้นชั้นบน ควรปรึกษาวิศวกรหากมีข้อสงสัย
แม้กระเบื้องพอร์ชเลนจะแข็งแรง แต่ความแข็งนี้ก็ทำให้เปราะและแตกหักง่ายหากได้รับแรงกระแทกที่จุดใดจุดหนึ่ง โดยเฉพาะระหว่างการขนย้ายและติดตั้ง ช่างที่ไม่มีประสบการณ์อาจทำให้กระเบื้องแตกเสียหายได้ จึงควรเลือกช่างที่มีความชำนาญและเผื่อกระเบื้องสำรองประมาณ 10-15% สำหรับการติดตั้ง
คุณสมบัติกระเบื้องพอร์ซเลนที่แข็งมากทำให้การตัดแต่งทำได้ยาก ต้องใช้ใบตัดเพชรคุณภาพสูงและเครื่องตัดไฟฟ้าที่มีกำลังเพียงพอ การตัดด้วยเครื่องมือธรรมดาจะทำให้ขอบแตกหรือบิ่น และใช้เวลานานกว่ากระเบื้องทั่วไป ค่าแรงติดตั้งจึงสูงกว่าประมาณ 20-30% และต้องใช้เวลาติดตั้งนานกว่า
กระเบื้องพอร์ซเลนบางรุ่นที่มีผิวเคลือบมันอาจลื่นได้เมื่อเปียกน้ำ โดยเฉพาะรุ่น Polished ที่มีความมันวาว สำหรับพื้นที่เสี่ยง เช่น ห้องน้ำ ทางลาด หรือพื้นที่ภายนอก ควรเลือกพอร์ชเลนที่มีค่ากันลื่น R10 ขึ้นไป หรือเลือกผิว Matt, Structured หรือ Anti-slip แทน เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
ค่า PEI (Porcelain Enamel Institute Rating) บอกความทนทานต่อการสึกหรอ ควรเลือกให้เหมาะกับพื้นที่ใช้งาน: PEI 1-2 สำหรับผนัง, PEI 3 สำหรับบ้านพักอาศัย, PEI 4 สำหรับพื้นที่สาธารณะ, และ PEI 5 สำหรับพื้นที่ใช้งานหนักมาก ส่วนค่า R-value บอกระดับการกันลื่น ควรเลือก R9 สำหรับพื้นที่แห้ง, R10 สำหรับห้องครัว, R11 สำหรับห้องน้ำ, และ R12-13 สำหรับพื้นที่ภายนอกหรือรอบสระว่ายน้ำ
เลือกซื้อกระเบื้องพอร์ชเลนที่ได้มาตรฐาน ISO 13006 หรือ มอก. 2508-2555 ตรวจสอบเกรดของกระเบื้อง โดยเกรด 1 คือคุณภาพสูงสุด มีความเรียบสม่ำเสมอ ไม่มีตำหนิ ควรขอดูตัวอย่างจริงและเปรียบเทียบสีจากหลายกล่องเพื่อให้แน่ใจว่าสีสม่ำเสมอ และตรวจสอบการรับประกันจากผู้ผลิตซึ่งควรมีอย่างน้อย 10-15 ปี
วัดพื้นที่ที่ต้องการปูอย่างละเอียด รวมทั้งซอกมุมต่างๆ คำนวณพื้นที่ทั้งหมดแล้วบวกเพิ่มอีก 10-15% สำหรับการตัดแต่งและของเสีย หากเป็นการปูแบบทแยงมุมหรือมีลวดลายซับซ้อน ควรเผื่อถึง 20% นอกจากนี้ ควรซื้อกระเบื้องสำรองไว้อีก 1-2 กล่องสำหรับการซ่อมแซมในอนาคต เนื่องจากกระเบื้องรุ่นเดียวกันที่ผลิตคนละรอบอาจมีสีต่างกันเล็กน้อย
การติดตั้งกระเบื้องพอร์ซเลนต้องใช้ความชำนาญพิเศษ ควรเลือกช่างที่มีประสบการณ์ติดตั้งพอร์ชเลนโดยเฉพาะ ไม่ควรใช้ช่างทั่วไปที่คุ้นเคยแต่กระเบื้องเซรามิก ช่างที่ดีควรมีเครื่องมือครบครัน เช่น เครื่องตัดไฟฟ้าพร้อมใบตัดเพชร เครื่องมือวัดระดับเลเซอร์ และควรขอดูผลงานที่ผ่านมาพร้อมรับประกันงานอย่างน้อย 1-2 ปี
กระเบื้องพอร์ซเลนมีเนื้อแน่นกว่า ดูดซึมน้ำต่ำกว่า และทนทานกว่ากระเบื้องเซรามิกทั่วไป ผลิตจากดินขาวละเอียดผสมแร่พิเศษ เผาที่อุณหภูมิสูง (1,200-1,400°C) ทำให้ดูดซึมน้ำน้อยกว่า 0.5% เทียบกับเซรามิกทั่วไป (3-7%) พอร์ซเลนแข็งกว่า (โมห์ส 7-8 vs 5-6) และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า (20-30 ปี vs 10-15 ปี)
ได้ แต่ต้องคำนึงถึงน้ำหนักและการยึดเกาะ กระเบื้องพอร์ชเลนหนักกว่ากระเบื้องผนังทั่วไป 30% ต้องใช้กาวซีเมนต์คุณภาพสูงและผนังต้องแข็งแรงพอ ผนังคอนกรีตหรืออิฐมอญติดตั้งได้โดยตรง ส่วนผนังยิปซัมควรใช้พอร์ซเลนขนาดเล็กและบาง (6-8 มม.) และควรให้ช่างผู้ชำนาญติดตั้ง
ผิวเคลือบมันหรือผิวขัดมันทำความสะอาดง่ายที่สุด เพราะไม่มีรูพรุนที่สะสมสิ่งสกปรก เช็ดง่ายด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ แต่อาจแสดงรอยเท้าหรือคราบน้ำชัดเจน สำหรับผู้ต้องการความสะดวก ควรเลือกผิว Satin หรือ Semi-polished ที่มีความมันปานกลาง ทำความสะอาดง่ายและซ่อนรอยเปื้อนได้ดีกว่า
ทำได้หากพื้นเดิมเรียบแข็งแรง ไม่แตกร้าวหรือโป่งพอง และมีระดับสม่ำเสมอ (คลาดเคลื่อนไม่เกิน 3 มม./2 ม.) ต้องทำความสะอาด ขัดผิวให้หยาบ ใช้กาวซีเมนต์ยืดหยุ่นสูง และคำนึงถึงระดับพื้นที่สูงขึ้น ซึ่งอาจต้องปรับประตูหรือขอบต่อต่างๆ
มีโอกาสเกิดรอยน้อยกว่าเซรามิกทั่วไป แต่ยังเป็นรอยได้หากใช้งานหนักหรือสัมผัสของมีคม พอร์ซเลนมีความแข็งระดับ 7-8 ตามมาตราโมห์ส ทนต่อการขูดขีดในชีวิตประจำวัน แต่วัสดุที่แข็งกว่า เช่น เพชร (ระดับ 10) หรือทรายหยาบติดรองเท้า อาจทำให้เกิดรอยได้ ป้องกันโดยใช้พรมดักฝุ่นหน้าประตู ไม่ลากเฟอร์นิเจอร์หนัก และทำความสะอาดสม่ำเสมอ
กระเบื้องพอร์ซเลนเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ต้องการความทนทานและความสวยงามในระยะยาว มีจุดเด่นทั้งความแข็งแรง ทนการขูดขีด ดูดซึมน้ำต่ำ ทนทานต่อสภาพอากาศ และดูแลง่าย เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการความทนทานสูง เช่น พื้นบ้านที่มีการสัญจรมาก ห้องน้ำ ห้องครัว พื้นที่เชิงพาณิชย์ และพื้นที่ภายนอก ช่วยประหยัดค่าบำรุงรักษาในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงถึงข้อเสียคือราคาสูง น้ำหนักมาก ติดตั้งยาก และพื้นผิวบางประเภทอาจลื่นเมื่อเปียก ปัจจัยเหล่านี้ต้องวางแผนและเตรียมการให้เหมาะสม การเลือกใช้ควรพิจารณาจากความต้องการใช้งาน งบประมาณ และมุมมองการลงทุนระยะยาว หากต้องการพื้นที่สวยงาม ทนทาน ใช้งานได้นานโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการบำรุงรักษา กระเบื้องพอร์ซเลนเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
ด้วยประสบการณ์อันยาวนาน ไทย สุง พร้อมให้คำปรึกษาเรื่องการเลือกกระเบื้องพอร์ซเลนที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของคุณ เราคัดสรรกระเบื้องคุณภาพจากแบรนด์ชั้นนำ ทั้งแบบเซรามิค พอร์ซเลน โมเสก และแบบกันลื่น หลากหลายขนาดและลวดลาย เพื่อให้คุณได้พื้นที่ที่สวยงามและทนทานตามที่ต้องการ สามารถเลือกชมได้ทั้งในเว็บไซต์และที่โชว์รูม สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2138 8911-16 (อัตโนมัติ 6 คู่สาย) หรือ Add LINE Official Account: @thaisoungtiles