ค้นหา
Tips&Ideas
กระเบื้องร่อน หรือกระเบื้องโก่งพอง เป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้กับเจ้าของบ้านหลายคน ไม่เพียงแต่ทำให้พื้นผิวไม่สวยงาม แต่ยังอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุสะดุดล้มได้ง่าย หากปล่อยทิ้งไว้นาน ปัญหาอาจลุกลามจนต้องรื้อกระเบื้องออกทั้งหมด บทความนี้จะอธิบายถึงสาเหตุหลักของกระเบื้องร่อน และนำเสนอวิธีแก้ไขที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเอง หรือเมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญ
การเตรียมพื้นผิวไม่ดีพอ ตัวอย่างเช่น
พื้นผิวไม่สะอาด: หากมีฝุ่น คราบน้ำมัน หรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ หลงเหลืออยู่บนพื้นผิวก่อนปูกระเบื้อง จะทำให้กาวซีเมนต์ไม่สามารถยึดเกาะกับพื้นผิวได้เต็มที่
พื้นผิวไม่เรียบเสมอกัน: หากพื้นไม่เรียบ อาจทำให้มีช่องว่างใต้วงกระเบื้องเมื่อปู ส่งผลให้กระเบื้องไม่ยึดเกาะแน่น
พื้นผิวไม่แห้งสนิท: ความชื้นบนพื้นผิวจะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของกาวซีเมนต์ ทำให้การยึดเกาะไม่สมบูรณ์
พื้นผิวแห้งสนิทจนเกินไป: พื้นที่แห้งสนิทจะทำให้กาวซีเมนต์จับตัวได้ไม่ดี ควรพรมน้ำให้พื้นเปียกหมาด ๆ เพื่อช่วยให้กาวซีเมนต์ดูดซึมและยึดเกาะกับพื้นผิวได้ดีขึ้น
คุณภาพของกาวซีเมนต์ ตัวอย่างเช่น
กาวซีเมนต์ไม่ได้มาตรฐาน: การเลือกใช้กาวซีเมนต์ที่ไม่มีคุณภาพ หรือไม่เหมาะกับประเภทของกระเบื้องและพื้นผิว อาจทำให้กระเบื้องไม่ยึดเกาะอย่างที่ควรจะเป็น
อัตราส่วนการผสมไม่ถูกต้อง: การผสมกาวซีเมนต์กับน้ำในอัตราส่วนที่ไม่เหมาะสม (เช่น ข้นหรือเหลวเกินไป) จะลดประสิทธิภาพการยึดเกาะ
การทิ้งไว้นานเกินไปก่อนปู: กาวซีเมนต์มีระยะเวลาการใช้งานที่เหมาะสมหลังจากผสม หากทิ้งไว้นานเกินไปจนกาวเริ่มแห้งตัว จะทำให้การยึดเกาะลดลงอย่างมาก
เทคนิคการปูกระเบื้องไม่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น
ปูนกาวไม่เต็มแผ่น: การทากาวซีเมนต์ไม่เต็มพื้นที่ด้านหลังกระเบื้อง หรือการใช้เกรียงหวีไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดช่องว่างอากาศใต้วงกระเบื้อง ซึ่งเป็นจุดที่น้ำหรือความชื้นสามารถเข้าไปสะสมและทำให้กระเบื้องร่อนได้
ไม่มีการเคาะไล่อากาศ: หลังวางกระเบื้องลงไป ควรใช้ค้อนยางเคาะเบา ๆ ให้ทั่วแผ่น เพื่อไล่อากาศที่อาจติดอยู่ใต้วงกระเบื้องออก
การเว้นร่องยาแนวไม่เหมาะสม: การเว้นร่องยาแนวที่แคบเกินไปหรือไม่เว้นเลย อาจทำให้กระเบื้องขยายตัวและดันกันเองจนโก่งพองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ
การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความชื้น ตัวอย่างเช่น
การขยายและหดตัวของกระเบื้อง: กระเบื้องและพื้นผิวสามารถขยายตัวและหดตัวได้ตามการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ หากไม่มีช่องว่างเพียงพอให้กระเบื้องขยายตัว (เช่น ร่องยาแนวแคบไป) กระเบื้องจะดันกันเองจนเกิดการโก่งพองหรือร่อน
ความชื้นสะสมใต้พื้น: น้ำหรือความชื้นที่ซึมลงไปใต้กระเบื้อง (เช่น จากการรั่วซึมของท่อน้ำ หรือการยาแนวที่ไม่สมบูรณ์) จะทำให้กาวซีเมนต์เสื่อมสภาพและทำให้กระเบื้องล่อนในที่สุด
การแก้ไขจะขึ้นอยู่กับระดับความเสียหายของกระเบื้องร่อน หากร่อนเพียงไม่กี่แผ่นและไม่ได้เกิดจากปัญหาน้ำรั่วซึมใหญ่ ๆ คุณอาจสามารถลองแก้ไขได้ด้วยตัวเอง
วิธีนี้เหมาะสำหรับกระเบื้องที่ "โป่งพอง" หรือ "ล่อน" แต่ยังไม่แตกร้าว และคุณต้องการยึดกลับเข้าไปใหม่
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม: สว่าน, ดอกสว่านขนาดเล็ก (ประมาณ 3-5 มม.), เครื่องดูดฝุ่น, กาวอีพ็อกซี่ชนิดน้ำหรือกาวประสานซีเมนต์สำหรับงานซ่อมกระเบื้อง, ปูนยาแนวสีเดียวกับร่องเดิม, เกรียงโป๊วขนาดเล็ก, ผ้าสะอาด
ขั้นตอนการแก้ไข:
ระบุจุดที่ร่อน: ใช้ด้ามค้อนยางหรือไขควงเคาะเบา ๆ บนกระเบื้อง หากมีเสียงกุกกักเหมือนกลวง แสดงว่ากระเบื้องร่อน
ทำความสะอาด: ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดเศษฝุ่นหรือสิ่งสกปรกบริเวณร่องยาแนวรอบกระเบื้องที่ร่อน
เจาะรู: ใช้สว่านเจาะรูเล็ก ๆ ประมาณ 2-3 รู บริเวณร่องยาแนวรอบกระเบื้องที่ร่อน (ระวังอย่าให้โดนตัวกระเบื้องโดยตรง) หรือเจาะที่ร่องยาแนวตรงกลางแผ่นกระเบื้อง หากสามารถทำได้
ฉีดกาว/น้ำยาประสาน: ใช้กระบอกฉีดยา หรือปืนฉีดกาวสำหรับงานกระเบื้อง ฉีด กาวอีพ็อกซี่ชนิดน้ำ หรือ น้ำยาประสานซีเมนต์ ที่มีคุณสมบัติซึมเข้ารูพรุนได้ดี เข้าไปในรูที่เจาะไว้ ให้กาวซึมเข้าไปใต้กระเบื้อง (อาจต้องฉีดหลายครั้งจนรู้สึกว่ากาวซึมเต็ม) เช่น จระเข้ อีพ็อกซี่ พลัส
กดทับ: วางของหนักทับบนกระเบื้องแผ่นนั้น (เช่น หนังสือหนา ๆ วางบนแผ่นไม้แล้วทับด้วยของหนัก) เพื่อกดให้กระเบื้องแนบสนิทกับพื้น ทิ้งไว้ตามเวลาที่ผลิตภัณฑ์กาวระบุ (มักจะ 24-48 ชั่วโมง)
ปิดรอย: หลังจากกาวแห้งสนิท ให้ปิดรูที่เจาะไว้ด้วยปูนยาแนวสีเดียวกับยาแนวเดิม หรือใช้ซิลิโคนยาแนวสำหรับงานพื้น
หากกระเบื้องร่อนจนแตก หรือไม่สามารถยึดกลับเข้าไปได้ จำเป็นต้องรื้อแผ่นนั้นออกแล้วปูใหม่
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม: ค้อน, สิ่วหรือไขควงปากแบนแข็งแรง, เกรียงแซะ, เกรียงหวี, กาวซีเมนต์, ปูนยาแนว, ผ้าสะอาด, ฟองน้ำ, ถุงมือ, แว่นตาป้องกัน
ขั้นตอนการแก้ไข:
สกัดยาแนวรอบแผ่น: ใช้คัตเตอร์หรือเครื่องมือสำหรับสกัดยาแนว ค่อย ๆ ขูดยาแนวรอบกระเบื้องที่เสียหายออกให้หมด
รื้อกระเบื้องออก: ใช้ค้อนและสิ่ว ค่อย ๆ แซะหรือตอกกระเบื้องที่เสียหายออกอย่างระมัดระวัง (เริ่มจากขอบที่ยาแนวออกแล้ว) ระวังอย่าให้กระเบื้องข้างเคียงเสียหาย
ทำความสะอาดพื้นผิว: ขูดเศษปูนกาวเก่าและสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนพื้นผิวออกให้หมด ใช้แปรงหรือเครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดให้เรียบและแห้งสนิท
เตรียมกาวซีเมนต์: ผสมกาวซีเมนต์ตามอัตราส่วนที่ผู้ผลิตแนะนำ
ปูกระเบื้องใหม่: ทากาวซีเมนต์ลงบนพื้นผิวและด้านหลังกระเบื้อง (หากเป็นกระเบื้องขนาดใหญ่) ด้วยเกรียงหวี ให้เต็มพื้นที่ วางกระเบื้องลงไปและใช้ค้อนยางเคาะเบา ๆ ให้ทั่วแผ่น เพื่อไล่อากาศและให้กระเบื้องแน่นสนิท
เว้นร่องยาแนว: เว้นร่องยาแนวให้เท่ากับกระเบื้องแผ่นอื่น ๆ
ยาแนว: เมื่อกาวซีเมนต์แห้งสนิท (ตามเวลาที่ระบุข้างถุงกาวซีเมนต์ มักจะ 24-48 ชั่วโมง) ให้ทำการยาแนวรอบแผ่นกระเบื้องที่ปูใหม่ด้วยปูนยาแนวสีเดียวกับยาแนวเดิม ใช้ฟองน้ำเช็ดคราบยาแนวส่วนเกินออกทันที
ทำความสะอาดขั้นสุดท้าย: เมื่อยาแนวแห้งสนิทแล้ว ทำความสะอาดคราบต่าง ๆ บนผิวกระเบื้อง
แม้ว่าการซ่อมกระเบื้องร่อนด้วยตัวเองจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ก็มีบางกรณีที่คุณควรพิจารณาเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญ:
กระเบื้องร่อนเป็นวงกว้าง: หากกระเบื้องร่อนหลายแผ่น หรือกินพื้นที่ขนาดใหญ่ อาจบ่งบอกถึงปัญหาการทรุดตัวของโครงสร้าง หรือการเตรียมพื้นผิวที่ไม่เหมาะสมตั้งแต่แรก ซึ่งการแก้ไขเองอาจไม่ยั่งยืน
มีน้ำรั่วซึมใต้พื้น: หากสังเกตเห็นคราบน้ำ รอยด่างจากความชื้น หรือมีกลิ่นอับชื้นผิดปกติใต้กระเบื้อง อาจเกิดจากการรั่วซึมของท่อน้ำ ซึ่งต้องได้รับการแก้ไขโดยช่างประปาและช่างกระเบื้องที่มีประสบการณ์
กระเบื้องที่ร่อนเป็นกระเบื้องขนาดใหญ่/พิเศษ: กระเบื้องแผ่นใหญ่ หรือกระเบื้องที่มีราคาสูง หรือมีลวดลายที่ซับซ้อน อาจต้องการความเชี่ยวชาญในการรื้อและปูใหม่เพื่อป้องกันความเสียหาย
ไม่มั่นใจในวิธีการทำ: หากคุณไม่มีประสบการณ์ หรือไม่มั่นใจในขั้นตอนการซ่อมแซม การให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดูแลย่อมดีกว่า เพื่อให้มั่นใจว่างานจะออกมาสมบูรณ์และได้มาตรฐาน
Q1: กระเบื้องร่อนสามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้หรือไม่?
A1: สามารถป้องกันได้แน่นอน การป้องกันที่ดีที่สุดคือการให้ความสำคัญกับการปูกระเบื้องตั้งแต่แรก ทั้งการ เตรียมพื้นผิวให้สะอาดและเรียบเสมอกัน, เลือกใช้ กาวซีเมนต์ที่มีคุณภาพเหมาะสม และผสมในอัตราส่วนที่ถูกต้อง, ใช้ เทคนิคการปูที่ถูกต้อง โดยทากาวให้เต็มแผ่นและเคาะไล่อากาศ, รวมถึงการ เว้นร่องยาแนวให้เหมาะสม เพื่อรองรับการขยายตัวของกระเบื้อง
Q2: หากกระเบื้องร่อนเกิดจากปัญหาโครงสร้าง การซ่อมแซมด้วยตัวเองจะช่วยได้ไหม?
A2: หากกระเบื้องร่อนเกิดจาก ปัญหาโครงสร้าง เช่น การทรุดตัวของพื้น การซ่อมแซมกระเบื้องเพียงอย่างเดียวจะช่วยได้แค่ชั่วคราวเท่านั้นค่ะ ปัญหาจะกลับมาเกิดขึ้นอีกในไม่ช้า คุณควร ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้าง หรือช่างรับเหมาที่มีประสบการณ์ เพื่อประเมินสาเหตุที่แท้จริงและแก้ไขปัญหาโครงสร้างนั้นก่อนที่จะทำการปูกระเบื้องใหม่
Q3: การฉีดกาวซ่อมกระเบื้องร่อนเฉพาะจุดจะทนทานแค่ไหน?
A3: การฉีดกาวเพื่อซ่อมกระเบื้องร่อนเฉพาะจุดเป็นวิธีที่สะดวกและได้ผลดีสำหรับกระเบื้องที่โป่งพองหรือล่อนไม่มากและยังไม่แตกร้าว ความทนทานจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของกาวที่ใช้และการทำความสะอาดช่องว่างใต้กระเบื้อง หากช่องว่างสะอาดและกาวซึมเข้าไปยึดเกาะได้ดี ก็จะสามารถยึดกระเบื้องให้อยู่ได้นานพอสมควร แต่หากสาเหตุหลักยังคงอยู่ (เช่น ความชื้นสะสม) ปัญหาอาจกลับมาได้อีกในอนาคต
Q4: มีวิธีตรวจสอบกระเบื้องร่อนด้วยตัวเองนอกจากการเคาะฟังเสียงหรือไม่?
A4: นอกจากเสียงกลวงเมื่อเคาะแล้ว คุณสามารถสังเกตสัญญาณอื่น ๆ ได้ เช่น ยาแนวรอบกระเบื้องเริ่มแตกร้าว หรือหลุดล่อน, ขอบกระเบื้องเผยอขึ้น เล็กน้อย, หรือบางครั้งอาจเห็น คราบขาว ๆ คล้ายเกลือ (efflorescence) ตามร่องยาแนว ซึ่งเกิดจากความชื้นใต้กระเบื้องพัดพาสารละลายเกลือขึ้นมาบนผิว นี่เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่ากระเบื้องอาจจะกำลังร่อนหรือมีปัญหาความชื้นใต้พื้น
คราบขาวๆ คล้ายเกลือ ( efflorescence ) credit by Slique
Q5: หากไม่มีกระเบื้องสำรองสำหรับเปลี่ยนแผ่นที่ร้าว/แตก ควรทำอย่างไร?
A5: หากไม่มีกระเบื้องสำรองที่เป็นลายเดียวกัน การซ่อมแซมอาจจะยากขึ้นในแง่ของความสวยงามค่ะ คุณอาจจะต้องพิจารณาทางเลือกดังนี้:
มองหากระเบื้องที่ใกล้เคียงที่สุด: ลองหากระเบื้องสีและลวดลายที่คล้ายคลึงที่สุดจากร้านค้ากระเบื้อง อาจจะไม่เหมือน 100% แต่อาจช่วยให้ดูกลืนไปได้
ใช้กระเบื้องจากพื้นที่ที่มองไม่เห็น: เช่น ใต้ตู้ หรือในห้องเก็บของ คุณอาจพิจารณานำกระเบื้องจากส่วนนั้นมาเปลี่ยนแทน แล้วนำกระเบื้องที่ใกล้เคียงไปปูในส่วนที่ซ่อนอยู่แทน
เปลี่ยนไปใช้การตกแต่ง: หากหาไม่ได้จริง ๆ อาจพิจารณาเปลี่ยนกระเบื้องที่เสียหายและแผ่นรอบข้างบางส่วนให้เป็นวัสดุตกแต่งอื่น ๆ เช่น ไม้เทียม หิน หรือลวดลายที่แตกต่างออกไป เพื่อเปลี่ยนจุดด้อยเป็นจุดเด่น
Q6: หากกระเบื้องที่ร่อนเป็นกระเบื้องผนัง วิธีแก้ไขจะแตกต่างจากกระเบื้องพื้นหรือไม่?
A6: โดยพื้นฐานแล้ว สาเหตุและหลักการแก้ไขคล้ายกัน แต่การทำงานกับกระเบื้องผนังอาจมีความท้าทายมากกว่าเล็กน้อยเนื่องจากแรงโน้มถ่วง หากเป็นกระเบื้องผนังที่ร่อนแต่ยังไม่แตก สามารถใช้วิธีเจาะรูและฉีดกาวได้เช่นกัน แต่ต้องมั่นใจว่ามีวัสดุค้ำยันหรือเทปยึดกระเบื้องไว้ชั่วคราวขณะที่กาวกำลังแห้ง เพื่อป้องกันไม่ให้กระเบื้องหลุดร่วงลงมา หากต้องรื้อเปลี่ยน กระบวนการก็คล้ายกับการรื้อกระเบื้องพื้น แต่ต้องระมัดระวังเรื่องเศษกระเบื้องตกหล่นมากกว่าเดิม
Q7: การใช้ซิลิโคนยาแนว (Silicone Sealant) แทนปูนยาแนวในการปิดรูที่เจาะซ่อมกระเบื้องร่อนได้ไหม?
A7: สามารถใช้ ซิลิโคนยาแนว ในการปิดรูที่เจาะเพื่อซ่อมกระเบื้องร่อนได้ค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่ต้องการความยืดหยุ่นและกันน้ำได้ดี เช่น ในห้องน้ำ ข้อดีของซิลิโคนคือมีความยืดหยุ่นสูง ช่วยลดโอกาสการแตกร้าวจากการขยายตัว/หดตัว และกันน้ำได้ดีกว่าปูนยาแนวทั่วไป อย่างไรก็ตาม ควรเลือกใช้ซิลิโคนที่ มีคุณสมบัติเหมาะสมกับงานกระเบื้อง และมีสีที่ใกล้เคียงกับยาแนวเดิมเพื่อให้ดูกลืนกัน
Q8: ระยะเวลาในการรอให้กาวซีเมนต์หรือกาวอีพ็อกซี่แห้งสนิทก่อนใช้งานนานแค่ไหน?
A8: ระยะเวลาในการแห้งสนิทของกาวซีเมนต์หรือกาวอีพ็อกซี่จะ แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์ และสภาพอากาศ โดยทั่วไปแล้ว
กาวซีเมนต์ สำหรับปูกระเบื้องใหม่ มักจะต้องรอให้แห้งสนิทก่อนยาแนวประมาณ 24-48 ชั่วโมง และรอให้แข็งตัวเต็มที่ก่อนใช้งานหนักประมาณ 7 วัน
กาวอีพ็อกซี่ สำหรับงานซ่อมแซม มักจะแห้งเร็วขึ้น แต่ก็ยังแนะนำให้รอประมาณ 24-48 ชั่วโมง ก่อนที่จะลงน้ำหนักหรือทำความสะอาดบริเวณที่ซ่อมแซมอย่างจริงจังค่ะ ควรอ่านคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดอย่างละเอียด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและความปลอดภัยในการใช้งาน
Q9: หลังจากซ่อมกระเบื้องร่อนเสร็จแล้ว มีวิธีดูแลรักษาอย่างไรเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ?
A9: เพื่อป้องกันไม่ให้กระเบื้องร่อนซ้ำ ควรปฏิบัติดังนี้
ควบคุมความชื้น: ตรวจสอบและแก้ไขปัญหาน้ำรั่วซึม (หากมี) โดยเร็ว และเช็ดพื้นให้แห้งเสมอ โดยเฉพาะในห้องน้ำหรือพื้นที่ที่สัมผัสกับน้ำบ่อย ๆ
รักษาระดับอุณหภูมิ: พยายามไม่ให้พื้นที่กระเบื้องมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็วหรือรุนแรง ซึ่งอาจทำให้กระเบื้องขยายและหดตัวมากเกินไป
ตรวจสอบยาแนวสม่ำเสมอ: หมั่นตรวจสอบสภาพยาแนว และซ่อมแซมยาแนวที่แตกร้าวหรือหลุดล่อนทันที เพื่อป้องกันน้ำและความชื้นซึมลงไปใต้กระเบื้อง
ทาน้ำยาเคลือบยาแนว (Grout Sealer): สำหรับยาแนวซีเมนต์ การทาน้ำยาเคลือบยาแนวจะช่วยลดการดูดซึมน้ำและสิ่งสกปรก ทำให้ยาแนวมั่นคงและป้องกันความชื้นเข้าสู่ใต้กระเบื้องได้ดีขึ้น
ภาพน้ำยาเคลือบยาแนว credit by Miracle Sealant
กระเบื้องร่อนเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลให้กับเจ้าของบ้านหลายคน ซึ่งมีสาเหตุมาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การเตรียมพื้นผิวที่ไม่ดี, คุณภาพของกาวซีเมนต์ที่ไม่เหมาะสม, เทคนิคการปูที่ไม่ถูกต้อง หรือการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความชื้น
หากความเสียหายไม่รุนแรง คุณสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวเอง เช่น การฉีดกาวเพื่อยึดกระเบื้องที่ยังไม่แตก หรือการรื้อและปูใหม่เฉพาะแผ่นที่เสียหาย โดยเลือกใช้ปูนกาวที่มีคุณภาพสูงและเหมาะสมกับการใช้งาน เช่น ปูนกาวตราจระเข้ และ ปูนกาวตราเวเบอร์ ที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย ตอบโจทย์ทั้งงานปูพื้นทั่วไป ไปจนถึงงานที่ต้องการการยึดเกาะพิเศษ เพื่อให้แน่ใจว่ากระเบื้องจะยึดติดแน่นทนทาน
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือการประเมินความเสียหายอย่างถี่ถ้วน หากพบว่าปัญหาเกิดจากโครงสร้าง, น้ำรั่วซึม หรือมีความเสียหายเป็นวงกว้าง การปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญคือทางออกที่ดีที่สุด เพื่อให้มั่นใจว่าบ้านของคุณจะกลับมาแข็งแรงและสวยงามได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
ประเภทปัญหา | สาเหตุหลักที่พบบ่อย | วิธีแก้ไขเบื้องต้น | เมื่อไหร่ที่ควรเรียกช่างมืออาชีพ |
กระเบื้องร่อนเฉพาะจุด | การปูไม่เต็มแผ่น, มีช่องว่างอากาศ, ยาแนวแตกร้าว | ฉีดกาว: เจาะรูเล็กๆ ที่ร่องยาแนว แล้วฉีดกาวอีพ็อกซี่หรือน้ำยาประสานเพื่อยึดกระเบื้องกลับเข้าที่ จากนั้นใช้ของหนักทับไว้จนกาวแห้งสนิท | - หากกระเบื้องแตกร้าวเสียหาย - เมื่อไม่มั่นใจในขั้นตอนการซ่อม |
กระเบื้องแตกร้าว/เสียหาย | การรับน้ำหนักมากเกินไป, การหดตัว/ขยายตัว, การปูที่ไม่ดี, เว้นระยะร่องยาแนวให้เหมาะสม | รื้อและปูใหม่: สกัดยาแนวและรื้อกระเบื้องที่เสียหายออก, ทำความสะอาดพื้นผิวให้เรียบ, ใช้ปูนกาวที่มีคุณภาพปูแผ่นใหม่ให้เต็มแผ่น และยาแนวให้เรียบร้อย เว้นระยะช่องว่างระหว่างกระเบื้อง 2-5 mm | - หากกระเบื้องร้าวหลายแผ่น หรือกินพื้นที่กว้าง - หากกระเบื้องมีราคาสูงหรือเป็นลวดลายพิเศษ |
ปัญหาน้ำรั่วซึม | น้ำซึมจากท่อหรือยาแนวไม่สมบูรณ์ ทำให้กาวเสื่อมสภาพ | - | - หากมีคราบน้ำ, กลิ่นอับ หรือสงสัยว่าท่อน้ำรั่ว - เมื่อมีน้ำขังอยู่ใต้กระเบื้อง *หากเป็นข้างใต้กระเบื้องต้องรื้อกระเบื้องออกทั้งหมด แก้ไขที่งานระบบ ที่เป็นต้นต่อการรั่วซึมก่อน และ ทากันซึม ก่อนปูกระเบื้อง เพื่อป้องกันปัญหาระยะยาว |
ปัญหาโครงสร้าง | การทรุดตัวของพื้นดิน หรือพื้นอาคาร | - | - หากกระเบื้องร่อนเป็นวงกว้างในหลายๆ พื้นที่ หรือพบรอยร้าวที่บ่งบอกถึงปัญหาโครงสร้าง |